Mazda เปิดตัว CX-30 EV รถไฟฟ้า 100 % ในจีน วิ่งได้ไกล 450 กม.

ที่ประเทศจีน นอกจาก Mazda CX-30 (มาซดา ซีเอกซ์-30) ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับประเทศไทย และประเทศอื่นๆ แล้ว ทาง Mazda ยังนำมาถอดเครื่องยนต์ออก ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรี เพื่อเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้า เสริมทางเลือกนอกจากรุ่นสแตนดาร์ด สำหรับตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างประเทศจีน

หลังการเปิดตัว Mazda MX-30 (มาซดา เอมเอกซ์-30) ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของค่ายไปแล้ว ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางเพียง 200 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็ยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าจากทาง Mazda มาอีก จนกระทั่งได้เปิดตัว Mazda CX-30 EV ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่น่าเสียดายที่มีจำหน่ายเฉพาะประเทศจีนเท่านั้น

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก มีความแตกต่างจากรุ่นใช้เครื่องยนต์ ด้วยการเปลี่ยนกันชนหน้า/หลังใหม่ ที่มีการใช้แถบโครเมียมตกแต่งมากขึ้น พร้อมกับมีการติดบันไดที่ขอบล่างของประตูรถ โดยเพิ่มความสูงใต้ท้องรถ แล้วติดสเกิร์ทเสริม

บางคนอาจบ่นเรื่องความผิดสัดส่วน ทำให้เกิดช่องว่างของล้อขนาดใหญ่ เป็นเพราะตำแหน่งของแบทเตอรี เหมือนเป็นการแขวนอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้พื้นที่ใต้ท้องรถลดลง ซึ่งอาจจะถูกกระแทกเสียหายในเส้นทางทุรกันดารได้ Mazda จึงใช้วิธียกช่วงล่างขึ้น และใช้ Body Kit ปิดไม่ให้เห็นใต้ท้องรถ จึงถือเป็นข้อด้อยของ CX-30 ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใส่แบทเตอรีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่แรก

ในขณะที่ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนจากมาตรวัดแอนาลอกผสมดิจิทอล มาเป็นการแสดงข้อมูลดิจิทอลทั้งหมด รวมทั้งมีการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน

Mazda CX-30 ในเวอร์ชัน EV มีความจุแบทเตอรี 61.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร สามารถขับไปได้ไกลสูงสุด 450 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้ง แบทเตอรีที่ถูกติดตั้งอยู่ที่พื้นรถ ช่วยให้มีการควบคุมตัวรถที่ดีขึ้น เนื่องจากมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง

ในตลาดจีน คนอาจไม่ชอบรถที่ถูกดัดแปลงเป็น EV นัก บางครั้งก็มองว่ามันดูแปลกตา แม้ CX-30 EV จะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม การขับเคลื่อน และแบทเตอรีที่มีความจุที่มากขึ้น แต่ก็ยังทำได้ไม่โดดเด่นเท่ากับคู่แข่งที่มีพแลทฟอร์มเป็นรถไฟฟ้ามาตั้งแต่แรก

Mazda CX-30 EV ถูกตั้งราคาไว้ที่ 159,800-201,800 หยวน หรือประมาณ 834,000-1,054,000 บาท ส่วนในเมืองไทยก็คงต้องรอลุ้นรถไฟฟ้าจาก Mazda ว่าจะเอาเข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทยหรือไม่

หลังการเปิดตัว Mazda MX-30 (มาซดา เอมเอกซ์-30) ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของค่ายไปแล้ว ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางเพียง 200 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็ยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าจากทาง Mazda มาอีก จนกระทั่งได้เปิดตัว Mazda CX-30 EV ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่น่าเสียดายที่มีจำหน่ายเฉพาะประเทศจีนเท่านั้น

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก มีความแตกต่างจากรุ่นใช้เครื่องยนต์ ด้วยการเปลี่ยนกันชนหน้า/หลังใหม่ ที่มีการใช้แถบโครเมียมตกแต่งมากขึ้น พร้อมกับมีการติดบันไดที่ขอบล่างของประตูรถ โดยเพิ่มความสูงใต้ท้องรถ แล้วติดสเกิร์ทเสริม

บางคนอาจบ่นเรื่องความผิดสัดส่วน ทำให้เกิดช่องว่างของล้อขนาดใหญ่ เป็นเพราะตำแหน่งของแบทเตอรี เหมือนเป็นการแขวนอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้พื้นที่ใต้ท้องรถลดลง ซึ่งอาจจะถูกกระแทกเสียหายในเส้นทางทุรกันดารได้ Mazda จึงใช้วิธียกช่วงล่างขึ้น และใช้ Body Kit ปิดไม่ให้เห็นใต้ท้องรถ จึงถือเป็นข้อด้อยของ CX-30 ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใส่แบทเตอรีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่แรก

ในขณะที่ภายในห้องโดยสารมีการเปลี่ยนจากมาตรวัดแอนาลอกผสมดิจิทอล มาเป็นการแสดงข้อมูลดิจิทอลทั้งหมด รวมทั้งมีการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน

Mazda CX-30 ในเวอร์ชัน EV มีความจุแบทเตอรี 61.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร สามารถขับไปได้ไกลสูงสุด 450 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้ง แบทเตอรีที่ถูกติดตั้งอยู่ที่พื้นรถ ช่วยให้มีการควบคุมตัวรถที่ดีขึ้น เนื่องจากมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง

ในตลาดจีน คนอาจไม่ชอบรถที่ถูกดัดแปลงเป็น EV นัก บางครั้งก็มองว่ามันดูแปลกตา แม้ CX-30 EV จะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม การขับเคลื่อน และแบทเตอรีที่มีความจุที่มากขึ้น แต่ก็ยังทำได้ไม่โดดเด่นเท่ากับคู่แข่งที่มีพแลทฟอร์มเป็นรถไฟฟ้ามาตั้งแต่แรก

Mazda CX-30 EV ถูกตั้งราคาไว้ที่ 159,800-201,800 หยวน หรือประมาณ 834,000-1,054,000 บาท ส่วนในเมืองไทยก็คงต้องรอลุ้นรถไฟฟ้าจาก Mazda ว่าจะเอาเข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทยหรือไม่

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก มีความแตกต่างจากรุ่นใช้เครื่องยนต์ ด้วยการเปลี่ยนกันชนหน้า/หลังใหม่ ที่มีการใช้แถบโครเมียมตกแต่งมากขึ้น พร้อมกับมีการติดบันไดที่ขอบล่างของประตูรถ โดยเพิ่มความสูงใต้ท้องรถ แล้วติดสเกิร์ทเสริม

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*